วันนี้(11/12/52) การจัดแสดงจินตภาพประกอบแสง เสียง เรื่อง กรุงศรีอยุธยา กษัตรามหาราชัน ในงาน “ยอยศยิ่งฟ้า อยุธยามรดกโลก ” ประจำปี2552 ซึ่ง จัดขึ้นที่บริเวณลานด้านหลังวัดมหาธาตุ ภายในเขตอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อคืนที่ผ่านมา ได้รับความสนใจจากประชาชนจำนวนมากกว่า 2,000 คน โดยการแสดงครั้งนี้ใช้ผู้แสดงเกือบ 300 ชีวิต มีมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา เป็นแกนนำในการแสดง ทั้งนี้เนื้อหาของการแสดงในปีนี้เป็นการนำเสนอสิ่งที่ เกี่ยวข้องกับเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาในแง่มุม ต่าง ๆ เช่น คุณค่าของโบราณวัตถุ ประวัติความเป็นมา เศรษฐกิจ สังคม ชีวิตความเป็นอยู่ การแต่งกายและเหตุการณ์สำคัญในแต่ละสมัยของบูรพมหากษัตราธิราชเจ้าแห่งกรุง ศรีอยุธยาที่สำคัญ เพื่อเป็นอุทาหรณ์สอนใจ เป็นกุศโลบาย ทำให้เกิดแนวคิดถึงเรื่องความสมานฉันท์ ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งในสังคมไทยในปัจจุบัน ซึ่งการแสดงในครั้งนี้ประกอบด้วย 5 องค์ ประกอบด้วยองค์ที่ 1 อิฐเก่าเล่าขาน เป็น การนำเสนอ กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีที่เคยยิ่งใหญ่ในอดีต ถึงแม้ปัจจุบันจะเหลือแต่ซากปรักหักพัง แต่อิฐเพียงแผ่นเดียวก็มีค่ายิ่งนัก เพราะได้ซึมซับเอาเรื่องราวต่าง ๆ ในอดีต ทั้งสงคราม สันติภาพ ทั้งความสุข ความทุกข์ ความรัก ความเสียสละ ความริษยาอาธรรม เป็นตำนานเล่าขานให้ชนรุ่นหลังได้ฟังเป็นอุทาหรณ์สอนใจ องค์ที่ 2 ตำนานสูรกษัตริย์เป็นการนำเสนอ
กรุง ศรีอยุธยาผ่านกษัตริย์ผู้ปกครองมาหลายพระองค์แต่ละพระองค์ทรงมีบทบาทที่ สำคัญ โดยมีปฐมกษัตริย์ คือ สมเด็จพระเจ้าอู่ทอง ผู้ทรงสถาปนากรุงศรีอยุธยาขึ้น ทรงรวบรวมคนไทยให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ทำให้เกิดอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ ผ่านกษัตริย์ที่ปกครองมาหลายพระองค์ แต่ละพระองค์ทรงมีบทบาทที่สำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ของกรุงศรีอยุธยา มีความเสียสละ มีความกล้าหาญ อย่างเช่น สมเด็จพระสุริโยทัย พระสุพรรณกัลยา สมเด็จพระนเรศวรมหาราช องค์ที่ 3 เจิดจรัสราชธานีเป็นการนำเสนอ ใน อดีตที่กรุงศรีอยุธยาเป็นแหล่งการค้า มีความมั่งคั่ง รุ่งเรือง มีการติดต่อซื้อขายกับชาวต่างชาติ ต่างภาษา โดยเฉพาะแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช นอกจากนี้ยังมีวรรณกรรมต่าง ๆ ที่สำคัญเกิดขึ้นมากมาย เช่น ลิลิตพระลอ รามเกียรติ์ อิเหนา สังข์ทอง มโนห์รา เป็นต้น และยังมีรูปแบบการแต่งกายที่หลากหลาย เนื่องจากเป็นอาณาจักรที่มีอายุยาวนาน การแต่งกายจึงมีความแตกต่างกันในแต่ละยุคแต่ละสมัย องค์ที่ 4 ปฐพีอยุธยาเป็นการนำเสนอความเป็นมา กรุง ศรีอยุธยาอาณาจักรที่เคยยิ่งใหญ่ เจริญรุ่งเรืองมาช้านานต้องมาสูญเสียให้แก่อริราชศัตรูอีกครั้ง เพราการแตกความสามัคคี ความสูญเสียของกรุงศรีอยุธยา ในแผ่นดินนี้ คือความหมองเศร้า ทุกข์ระทม ที่ร้าวลึกเข้าไปในจิตใจของคนไทยทุกคน แต่กรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี เมื่อมีกษัตริย์เลือดนักสู้ คือ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้กอบกู้อิสรภาพกลับคืนมา สร้างความเป็นไทยให้ดำรงอยู่สืบไป และ องค์ที่ 5 กษัตรา มหาราชันเป็น การนำเสนอเรื่องราวของ สถาบันพระมหากษัตริย์ ยังเป็นสถาบันที่ประชาชนชาวไทย จงรักภักดี น้อมรำลึกและเทิดทูนไว้เหนือสิ่งอื่นใด มิมีเสื่อมคลาย ประชาชนชาวไทยล้วนภาคภูมิใจที่อยู่ใต้ร่มพระบารมีของกษัตรา มหาราชัน ที่ยิ่งใหญ่ ผู้ทรงมีคุณูปการให้แก่ประเทศชาติ นับตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันและคงดำรงอยู่คู่ฟ้าคู่แผ่นดิน สำหรับการแสดงจินตภาพประกอบแสง เสียง เรื่อง กรุงศรีอยุธยา กษัตรามหาราชัน จะเริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 20 ธันวาคม นี้ โดยวันธรรมดาจะมีการแสดงรอบเดียว ส่วนวันหยุดมีการแสดงวันละ 2 รอบ ผู้สนใจสามารถซื้อบัตรได้ที่หน้างาน มีจำหน่าย 2 ราคา คือ บัตรราคา 500 บาท และ 200 บาท หรือสอบถามได้ที่ที่ทำการปกครองจังหวัดพระนครศรีอยุธยา(กลุ่มงานการเงินและ บัญชี) โทร. 0-3533-6563 หรือ 0-3533-5244 และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โทร 0-3524-6076
ข้อมูลจาก :: http://ndc.prd.go.th/pageconfig/viewcontent/viewcontent1.asp?pageid=449&directory=2017&contents=240745