ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในระหว่างวันที่ 18 - 19 ก.ค. นี้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นำคณะรัฐมนตรีลงพื้นที่ใน 4 จังหวัดภาคกลางตอนล่าง หรือ พื้นที่ปลายน้ำ ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา สระบุรี ปทุมธานีและนนทบุรี ในภารกิจประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 11 ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งจะประชุมนั้นจะแบ่งเป็น 2 วันคือเย็นวันที่ 18 ก.ค. จะเป็นการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในภูมิภาค (กรอ. ภูมิภาค) ซึ่งมีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในการประชุม ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ จ.พระนครศรีอยุธยา และการครม.นั้นจะเกิดขึ้นในช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 19ก.ค. ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ เช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตามมีรายงานข่าวว่าในส่วนของงพื้นที่ที่พระนครศรีอยุธยานั้นจะเป็นจังหวัดเจ้าภาพหลักในการปฏิบัติภารกิจของนายกรัฐมนตรีและครม. โดยทางจังหวัดมีการระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค1กว่า 1,800 นาย ที่จะสนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและทหารในบางส่วน เพื่อมารักษาวามปลอดภัยและอำนวยความสะดวกด้านการจราจร โดยมีการเปิดศูนย์ปฏิบัติการควบคุมและสั่งการปฏิบัติการตั้งอยู่ภายในมหาวิทยาลัยฯ และนอกจากนี้ยังมีรับการประสานว่านายวิเชียร พวงลำเจียก นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย เตรียมยื่นหนังสือขอความช่วยเหลือในเรื่องปัญหาเรื่องน้ำในการทำนา ต่อนายกรัฐมนตรี ในการประชุมครม.สัญจร ให้ช่วยพิจารณาแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพื่อประโยชน์ของชาวนาต่อไป.. รวมทั้งอาจมีกลุ่มมวลชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการประกอบอาชีพ กลุ่มที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์อุทกภัยเมื่อปี 2554 มายื่นหนังสือขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลด้วย ซึ่งทางจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้เตรียมสถานที่รองรับกลุ่มมวลชนที่อาจเกิดขึ้น บริเวณอาคารอธิการบดี ตั้งอยู่ด้านหน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ ซึ่งจุดนี้จะมีผู้บริหารระดับสูงของจังหวัดคอยรับเรื่องราวร้องเรียนร้องทุกข์พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการ แต่ทั้งนี้ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี 1 เดือนจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้ตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ ประชุมโต๊ะข่าวสืบค้นปัญหาของประชาชนในพื้นที่เพื่อแก้ปัญหาในเบื้องต้นแล้ว ไม่พบความผิดปกติใดๆ
นอกจากนี้จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้เตรียมของที่ระลึกเป็นสินค้าจากหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์(โอท็อป) สำหรับนายกฯและครม. และเจ้าหน้าที่ โดยใช้ผลิตภัณฑ์ผ้าขาวม้าไทยจากอำเภอต่าง ๆ ในจังหวัด นำมาตัดเป็นเสื้อสำเร็จรูปสำหรับสวมใส่ในการประชุมครั้งนี้ เนื่องจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้รณรงค์สวมใส่เสื้อผ้าขาวม้าทั่วทั้งจังหวัดมาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้จัดตั้งศูนย์ผ้าขาวม้านานาชาติ อยู่บริเวณอนุสรณ์สถานแห่งความจงรักภักดี โดยรวบรวมผ้าขาวม้าจากทั่วโลกมาจำหน่าย ซึ่งนายกรัฐมนตรี จะลงพื้นที่เยี่ยมชมในวันที่ 18 ก.ค. ขณะเดียวกันทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้เตรียมเมนูอาหารขึ้นชื่อของ 4 จังหวัด อาทิ ข้าวตั้งหน้าตั้ง กุ้งแม่น้ำย่าง ต้มข่าปลาช่อนทอด มัสมั่นไก่และหมู ห่อหมกปลาช่อน ไก่ทอดสมุนไพร ยำต้นอ่อนดอกทานตะวัน เพื่อต้อนรับนายกรัฐมนตรีและครม.อีกด้วย
