นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเยือนไทยและเข้าร่วมประชุม ไทย – กัมพูชา ครั้งที่ ๒
วันที 18 ธ.ค.นี้
สมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาจะเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของ รัฐบาลไทย ตามคำเชิญของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๘ และเข้าร่วมการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีไทย – กัมพูชา อย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ ๒ ในวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๘ การเยือนครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองการครบรอบ ๖๕ ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย– กัมพูชา และเพื่อกระชับความความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
นายกรัฐมนตรีของทั้งสองฝ่ายมีกำหนดหารือทวิภาคีในช่วงเช้าของวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๘ โดยประเด็นสำคัญที่จะมีการหารือ ได้แก่ กิจกรรมฉลอง ๖๕ ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย – กัมพูชา ความร่วมมือในการพัฒนาบริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา ความร่วมมือด้านแรงงาน การส่งเสริมการค้าและการลงทุนความร่วมมือด้านสินค้าเกษตร การเสริมสร้างความเชื่อมโยงทางคมนาคม และความร่วมมือในภูมิภาคและระหว่างประเทศ
ในช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีกัมพูชาจะกล่าวปาฐกถากับภาคเอกชนไทยเกี่ยวกับการลงทุนในกัมพูชา ซึ่งจัดโดยสมาคมมิตรภาพไทย – กัมพูชา ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศและสภาธุรกิจไทย – กัมพูชา โดยจะมีคณะผู้แทนภาคเอกชนกัมพูชาที่ร่วมเดินทางมากับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เข้าร่วมพบปะและสร้างเครือข่ายกับภาคเอกชนไทย และในตอนค่ำ นายกรัฐมนตรีจะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงคณะของนายกรัฐมนตรีกัมพูชาอย่างเป็นทางการ
ในวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๘ นายกรัฐมนตรีทั้งสองจะเป็นประธานร่วมในการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ ไทย – กัมพูชา ครั้งที่ ๒ โดยการหารือจะครอบคลุมลู่ทางในการขยายความร่วมมือ ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีของทั้งสองฝ่ายจะร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามเอกสาร ๔ ฉบับ ได้แก่ (๑) แถลงการณ์ร่วมสำหรับการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทาง การ ไทย – กัมพูชา ครั้งที่ ๒ ซึ่งเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองที่จะขยายความร่วมมือระหว่างกันให้มาก ขึ้นในด้านสำคัญต่าง ๆ (๒) บันทึกความเข้าใจเพื่อการพัฒนาจุดผ่านแดนแห่งใหม่ที่บ้านหนองเอี่ยน จ.สระแก้วในฝั่งไทย และที่สตึงบท จ.บันเตียเมียนเจยในฝั่งกัมพูชา (๓) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน ซึ่งเป็นกรอบความร่วมมือทางวิชาการ ความร่วมมือด้านการพัฒนาฝีมือแรงงาน และความร่วมมือด้านการจ้างงาน และ (๔) ข้อตกลงว่าด้วยการจ้างงาน ซึ่งจะอำนวยความสะดวกให้การจ้างงานมีประสิทธิภาพ โปร่งใส ขจัดปัญหาการจ้างงานผิดกฎหมายและการค้ามนุษย์