ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เปิด “ศูนย์ข่าวเด็กและเยาวชนอาเซียน” เพื่อรับ AEC
เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. ที่ผ่านมา นายไมตรี อินทุสุต ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปพม.) เป็นประธานในพิธีเปิดตัวโครงการ "ศูนย์ข่าวเด็กและเยาวชนอาเซียน” ณ รร. แอมบาสซาเดอร์ ถนนสุขุมวิท เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเด็กและเยาวชนในการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการเท่าทันสื่อในกลุ่มเด็กเยาวชน และประชาชนทั่วไป รวมถึงส่งเสริมให้ผู้ที่ทำงานด้านสื่อในประชาคมอาเซียนเกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางด้านความคิด ประเพณี สังคม วัฒนธรรม และความร่วมมือด้านต่างๆ ในการสร้างความตระหนักรู้ และการปลูกฝังให้รู้เท่าทันสื่อ
อีกทั้ง เพื่อส่งเสริมเครือข่ายความร่วมมือด้านสื่อเด็กและเยาวชนอาเซียนที่เข้มแข็งและยั่งยืน ซึ่งเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งกลไกการป้องกันและแก้ไขการใช้สื่อออนไลน์ของเด็กและเยาวชน
ทั้งนี้ ในปี 2557 เป็นการครบรอบ "25 ปี อนุสัญญาสิทธิเด็ก” กรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) จึงได้ดำเนินโครงการจัดตั้งศูนย์ข่าวเด็กอาเซียน (ASEAN Children News Centre) เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กในประเทศอาเซียนได้ผลิตรายการโทรทัศน์ชุด "ASEAN Children News Centre” ในหัวข้อ "Children Friendly Media” ซึ่งเป็นการทำงานแบบคู่ขนานเพื่อเสริมสร้างความตระหนักรู้เรื่องสิทธิเด็ก การส่งเสริมการมีส่วนร่วม และแสดงความคิดเห็น ของเด็กผ่านสื่อวีดีทัศน์
นายไมตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันอาเซียนมีจำนวนประชากรเด็กและเยาวชนถึงหนึ่งในสามของประชากรอาเซียนทั้งหมด สัดสวนดังกล่าวเป็นทั้งโอกาสและความท้าทาย เยาวชนวัยทำงานจะกลายเป็นกำลังสำคัญในการสนับสนุนการพัฒนาทางเศรษฐกิจและรองรับประชากรผู้สูงอายุ จึงจำเป็นต้องให้การศึกษาและการอบรมแก่เด็กและเยาวชนอย่างเหมาะสม และเพียงพอ เพื่อให้เด็กและเยาวชนสามารถมีบทบาทสำคัญในประชาคมอาเซียน ไม่เพียงแต่เป็น "ผู้รับ”แต่เป็น"ผู้มีส่วนร่วม ในการพัฒนา” อีกด้วย
ดังนั้น โครงการศูนย์ข่าวเด็กและเยาวชน จึงเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนได้แสดงความคิดเห็นต่อประเด็นและสถานการณ์ต่าง ๆ ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก ทำให้เด็กและเยาวชนเกิดความผูกพัน และความรับผิดชอบต่อประชาคมโลก และมีบทบาทอย่างเข้มแข็งในการพัฒนาประเทศของตนเอง
โครงการศูนย์ข่าวเด็กและเยาวชนจะสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนได้รับการพัฒนาความรู้ ความสามารถ และทักษะเกี่ยวกับสื่อการรู้เท่าทันสื่อ การใช้ และการผลิตสื่อ โดยคำนึงถึงความรับผิดชอบของสังคมเป็นสำคัญ
credit : กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
